รูปแบบการสอนความร่วมมือกลุ่มครอบครัวของสังคม
The Social Family of Models
เรียบเรียงโดย นายมงคล บาลี
รูปแบบการสอนที่บรรยายในหนังสือนี้ จากความเชื่อเกี่ยวกับความเชื่อของมนุษย์และเขาเหล่านั้นเรียนรู้อย่างไร รูปแบบของสังคมซึ่งขณะที่ชื่อบอกเป็นนัยว่า การเน้นธรรมชาติของสังคมเรา เราเรียนรู้พฤติกรรมสังคมอย่างไร การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างไรจึงสามารถเสริมการเรียนรู้ทางวิชาการนักประดิษฐ์รูปแบบทางสังคมเกือบทั้งหมดเชื่อว่าบทบาทศูนย์กลางการศึกษาต้องเตรียมการกำหนดเผยแพร่พฤติกรรมประชาธิปไตยเพื่อส่งเสริมบุคลิกภาพและลีลาชีวิตทางสังคมและเพื่อความมั่นใจในการผลิตผลตามสังคมประชาธิปไตย เขาทั้งหลายเชื่อว่าการ่วมมือเข้าร่วมโครงการส่งเสรมคุณภาพชีวิตนำมาซึ่งความสนุกสนานมีชีวิตชีวา ร่าเริงเพื่อให้เขาลดภาวะวิกฤตทางสังคม ยิ่งไปกว่านั้นนักพฤติกรรมความร่วมมือเป็นการกระตุ้นไม่เพียงแต่อย่างมีสังคมเท่านั้นแต่ก็อย่างมีปัญญาด้วยดังนั้นการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสามารถออกแบบสนับสนุนการเรียนรู้ทางวิชาการ การพัฒนาพฤติกรรมผลผลิตทางสังคมและความสามารถทางวิชาการและความรู้นำเข้ามารวมกัน
นักทฤษฎีทางสังคมมีการพัฒนารูปแบบการสอนมากมายเพื่อเป็นคลังแห่งความรู้ทางการสอนและการออกแบบภาวะสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนด้วย เขาทั้งหลายคิดว่าโรงเรียนเป็นสังคมเล็กซึ่งสามารถรวมกันด้นการศึกษาได้อย่างเป็นอิสระในวัฒนธรรมความร่วมมือกันกับทางโรงเรียน นักเรียนได้ถูกสอนให้ใช้การสอนรูปแบบร่วมมือกันในการเรียนรู้ซึ่งรูปแบการสอนนี้ได้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักทฤษฎีทางสังคมไม่เพียงแต่สร้างสร้างหลักการเหตุผลรูปแบบการสอนของเขาเท่านั้นแต่ยังมีการสร้างคำถามเพิ่มขึ้นอีกมากมายเกี่ยวกับกระแสรูปแบบที่มั่นคงของโรงเรียนภาระงานการเรียนรู้ในโรงเรียนครูเป็นผู้จัดทำขึ้นโดยเฉพาะการมีปฏิกิริยาต่อกันระหว่าครูกับนักเรียนอยู่ในรูปแบบของการท่องให้ครูฟังครูตั้งคำถามโดยตรงเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนและจะเรียกโต้ตอบได้อย่างอิสระและยืนยันการตอบสนองอย่างถูกต้อง(Sirotnik,1983)รูปแบบการประเมินผลเป็นหลุมพรางนักเรียนต่อต้านนักเรียน นักพัฒนารูแบบการศึกษาสังคมเชื่อว่า รูปแบบการสอนของโรงเรียนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะรวมกับการมีเหตุผลที่ครอบงำครูเป็นผลผลิตที่สวนทางกันอย่างแท้จริงสำหรับปัจเจกชนและชุมชนในสังคมอัตราการเรียนรู้ที่หดหู่ใจการสร้างสรรค์ไม่เป็นไปตามธรรมชาติแลบรรยากาศทีต่อต้านสังคมและความล้มเหลว จึงจัดเตรียมคนหนุ่มที่จะใช้ความสามารถของเขาและของคนอื่นๆ โดยการทำแบบฝึกหัดความสามารถของเขาสำหรบการร่วมมือกันประชาชนได้ให้ความร่วมมือย่างแน่นอน พวกเขาทั้งหลายได้โต้แย้งกัน และมีความหดหู่ใจในการร่วมมือ การขับเคลื่อน เด็กจากแต่ละคนและการตัดสิทธิ์เด็กของมิติที่สำคัญของความสามารถของเขา(see Johnson and Johnson, 1990: Sharon, 1990 :Thelen,1960).
ความคิดเรื่องการร่วมมือที่จะเรียนรู้เนื้อหาทางวิชาการและการเตรียมนักเรียนสำหรับใช้สิทธิและหน้าที่ของตนเองและชีวิต ความพอใจทางสังคมซึ่งมีมานานแล้ว เขาษมารถพบในงานเขียนชอง อริสโตเติล พล่าโต และมานัส เอ้สิอู้ เช่นเดียวกับนักการศึกษาของชาวคริสเตียน เช่นโทมนัส อควินัส ในยุคกลาง และจอห์น อโมส โคเมนิอัส ในยุคเรเนสซอง การเจริญขึ้นของประชาธิปไตยทางการค้าสมัยใหม่ได้พบกับการแสดงออกของในด้านงานเขียนของจางจาด รูสโซในประเทศฝรั่งเศส จอห์น ลอคเกในประเทศอังกฤษ และโทมัส เจฟเฟอร์สัน และเบนจามิน แฟรงกลิ่นในอเมริกา ระยะของการพัฒนาของโรงเรียนธรรมดาในอเมริกา โฮเลส แมน และเฮนรี่ บาร์นาร์ดถกเถียงกันอย่างเข้มข้นสำหรับโรงเรียนที่มีกิจกรรมความร่วมมือ
ข้อคิดเห็นได้ประกาศอย่างแข็งขันโดย จอห์น ดิวอี้ ผ่านครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 กับความคิดอย่างมีเหตุผลในตอนต้น มันพบกับกับการแสดงออกในการพัฒนารูปแบบการสอนต่าง ๆ มากมายสำหรับโรงเรียนและในกิจกรรมของ The Progressive Education Association การแนะนำในยุคปัจจุบันของการวิจัย และการพัฒนารูปแบบทางสังคมของการศึกษา
เราจะเห็นหลักการปฏิบัติระหว่างการปฏิวัติของความเจริญของชาวตะวันตกในบทเรียนในขณะที่เราศึกษางานผู้พัฒนาการศึกษาในยุคเดียวกันของรูปแบบทางสังคม กิจกรรมชุมชน 3 อย่างทำงานกันอย่างเข้มแข็งเพื่อพิสูจน์รูปแบบทางสังคม กิจกรรมที่ 1 นำโดย เดวิด และ โรเจอร์ จอห์นสัน แห่งมหาวิทยาลัยมินิโซต้า กิจกรรมที่ 2 นำโดย โรเบิร์ด สลาวิน แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอฟกินส์ กิจกรรมที่ 3 ในอิสราเอล รวมทั้ง โรโม แซแล่น ราเชน ฮาร์ท ลาซาโรสวิทซ์ และครูนักวิจัยคนอื่น ๆ อีกหลายคน มีความแตกต่าง ในกรอบของการอ้างอิง แต่เขาก็เคารพและให้ความร่วมมือกับคนอื่นๆและเป็นแบบนานาชาติอย่างลึกซัง เขาทั้งหลายได้ร่วมกับนักวิจัยชาวยุโรป และเริ่มแรกของการทำงานของเขาถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางโดยนักการศึกษาในการร่วมมือในทวีปเอเชีย
ในบทที่ 12นี้ เราเริ่มต้นกับกระบวนการสำหรับการพัฒนาเพื่อนร่วมงานในการเรียนรู้และปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ ไปในเวลาเดียวกันของกลุ่มรูปแบบการสอนความร่วมมือการเรียนรู้
ในบทที่ 13เราเน้นไปที่คุณค่า และการแก้ปัญหาสังคม สังคมในการเรียนรู้ และการแสดงบทบาทสมมุติ สามารถถูกใช้กับนักเรียนผู้มีอายุทั้งหมด และรูปแบบการสอนการสอบสวนในระบบกฎหมาย เน้นนโยบายทางสังคมและเป็นบทเรียนสำหรับนักเรียนผู้สูงอายุ
บทที่ 12
เพื่อนร่วมงานในการเรียนรู้
จากงานคู่(2 คน)ไปจนถึงกลุ่มร่วมมือการเรียนรู้
Partners in Learning From Dyads to Group Investigation
สิ่งที่สวยงามที่สุดเกี่ยวกับการสอนคนเพื่อที่จะช่วยเด็กๆเรียนรู้ร่วมมือกันเป็นสิ่งที่คนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรมันเป็นผลลัพธ์ของกิจการโรงเรียนของเขาและชีวิตในชุมชนแห่งนี้และถ้าสิ่งที่ขับเคลื่อนโดยทั่วไป มันจะเป็นสังคมที่มีชีวิตชีวา ถ้ามันไม่เป็นเพื่อแต่ละคน เราจะไม่รู้ว่าเราเป็นใคร
–Herbert Thelen to Bruce Joyce, about 1964
สถานการณ์ที่ 1
นักเรียนเกรดที่ 6 ของ Jim Wolf กำลังเรียนเกี่ยวกับประเทศอีรัก และประเทศอากานิสถาน พยายามที่จะทำความเข้าใจหลายประเทศที่สหรัฐอเมริกาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แม้ว่าเขาทั้งหลายมีความเกี่ยวข้องกับกระแสกสรเมืองที่แตกแย้งกัน เขาทั้งหลายก็ก็ตัดสินใจที่จะรับข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นต้องอภิปราย ในกลุ่มเขาทั้งหลายได้ค้นหาข้อมูลเพื่อที่จะแบ่งปันกัน
แหล่งข้อมูลหลักแห่งหนึ่งก็คือ The Human Development Report CD-Rom 2000,the United Nations Development Program ซึ่งบรรจุตัวชี้วัด 300 ตัวชี้วัด สำหรับ 174 ประเทศ รวมกับรายงานพิเศษ จำนวน 1 กลุ่ม การค้นหาข้อมูล กลุ่มต่าง ๆ ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น
-ในประเทศเนปาล ชาวอินดูคาดหวังว่ามีชีวิตอยู่ 61 ปี ชาวมุสลิมมีชีวิตอยู่ 49 ปี ข้อมูลระหว่างสำหรับผู้สูงอายุ ของชาวฮินดู 58 เปอร์เซ็นต์ ของชาวมุสลิม 22 เปอร์เซ็นต์
-ประเทศที่กำลังพัฒนามีความก้าวหน้าอย่างจริงจังในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ใน 10 ปีหลังสุดยกเว้นพวกที่เป็นโรค HIV/AIDS ระหว่างปี 1975 และ 1997 ความคาดหวังในชีวิตตกลงมา 18 ประเทศ และ 10 ประเทศอยู่ในทวีปอาริกา
-สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาคนที่มีความเป็นอยู่ที่ยากจนต่ำในระดับ2.6 เปอร์เซ็นต์ อยู่ใน ประเทศบาร์บาโก้ และที่สูงถึง 65 เปอร์เซ็นต์อยู่ใน ประเทศ ไนเจอร์ระหว่างประเทศเหล่านั้นที่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์คือ บาร์เล็น บาร์บาโก้ ซิลี ต่อต้าน คิวบา ฟิจิ จอร์แดน ปานามา ทลิทนิแดดและ โตบาโก และอูรุกกวัย ประเทศเหล่านี้มีรายได้ระดับของความยากจนรุนแรง สหรัฐอเมริกา 16.5 % อังกฤษ ประมาณ 15% และ ไอร์แลนด์ ประมาณ 15%
-คุณภาพทางเพศที่มีน้อยกว่าขึ้นอยู่กับระดับรายได้ ระดับของการพัฒนา และวัฒนธรรมกับการคาดคะเนโดยทั่วไป ในคุณภาพทางเพศ คอสตาริกา ทลิทนิแดด โตบาโกนำหน้าประเทศฝรั่งเศส และอิตาลี ประเทศอิราเอล นำหน้าประเทศญี่ปุ่น และบาอามิส ออกมาจากประเทศโปรตุเกสดัชนีของประเทศกรีซน้อยกว่า 3 ใน 4 ของประเทศคอสสตาริกา
-เมื่อเขาทั้งหลายได้ศึกษาประเทศอีรัก เขาได้เรียนรู้ว่ามีประชากร 25 ล้านคนมีกองทัพใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก ฮาบาร์เรด มีประชากรพักในอู่เรือเก่าแก่ตาม ไทกริส และหุบเขา ยูฟาติสประเทศแบกแดด มีประชากรมากว่า 5 ล้านเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 มีประชากร มากกว่า 10 ล้านคนมีพื้นดินเพียง เพียง 20 % ที่ใช้ในการเพาะปลูก ประชากรแบ่งระหว่างจำนวนของชาวมุสลิมซึ่งมีความเชื่อที่แตกต่างอย่างจริงจัง
-ประเทศอาฟกานิสถาน นักเรียนได้เรียนรู้ที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวายที่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่เกี่ยวกับสถิติของประชากรทีแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามมีพื้นที่ดินน้อยกว่า 5 %เป็นที่เพาะปลูกและประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรเป็นพวกเร่ร่อน
คำถามทั้งหลาย ได้ พรั่งพลูออกมา นักเรียนของจิมได้สืบเสาะและรวบรวมเอาไว้
สถานการณ์ที่ 2
Mary Hilltepper ทำการสอนภาษาอังกฤษนักเรียนเกรด 10 โยสอนโคลงกลอน 12 บทแก่นักเรียนซึ่งหล่อนเลือกผลงานที่เด่นจากนักประพันธ์ที่มีมาแล้วหล่อนจัดการเรียนการสอนเป็นคู่(2 คน)ให้นักเรียนอ่านโคลงและแยกแยะโคลงเป็นโครงสร้าง สำนวน และสาระสำคัญ ขณะที่นักเรียนแยกแยะโคลงกลอนนั้นนักเรียนต้องคิดเตรียมรายงานต่อคนอื่น ๆ เพื่อที่จะให้เพื่อนๆคนอื่น ๆ สามารถเปรียบเทียบงานงานของแต่ละคนด้วย การทำงานร่วมกันขั้นเรียนลงรายการวิธีที่นักเรียนได้สังเกต โครงสร้าง สำนวน โวหาร สาระสำคัญ นางอิสเทปเบอร์เสนอให้คู่ของนักเรียนได้แลกเปลี่ยนโคลง 12โคลงกับคนอื่น ๆ ที่นักเรียนได้ทดสอบแล้ว ทำซ้ำๆกันหลายครั้งจนนักเรียนคุ้นเคยกับโคลงนั้น ๆหล่อนก็ให้งานอื่น ๆ อีกหลายงาน อีกอย่างหนึ่งต้องสร้างสมมุติฐานเกี่ยวกับโคลงสามารถจัดเป็นกลุ่มในส่วนของผู้แต่ง และการรวมลักษณะเด่นของสำนวน โครงสร้าง และสาระสำคัญ
เพียงแต่หล่อนได้ผ่านการวิเคราะห์ของนักเขียนหนังสือและนำมาใช้เป็นหนังสือเรียนการถามนักเรียนเพื่อที่จะทดสอบสมมุติฐานของเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับผู้แต่งและพบว่าถ้านักเขียนโคลงไดแยกแยะโคลงอย่างเดียวกันเขขาได้พัฒนาในส่วนของเพื่อนร่วมงานของเขาด้วย
แมรี่จัดการเรียนในห้องเรียนโดยใช้เพื่อนร่วมงานเป็นฐานในการเรียนรู้งานที่เป็นด้านความจำของรูปแบบการสอนแบบอุปมาอุปมัยนำมาใช้ในการขับเคลื่อนในการเรียนร่วมมือกัน นอกจากนี้ในการเปิดหน่วยการเรียนหล่อนเตรียมนักเรียนที่จะเริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่องในหน่วยการเรียนต่อไป เช่น การเขียนโคลง การเขียนเรื่องสั้น ก่อนเริ่มการเรียนการสอนหล่อนจะแนะนำกิจกรรมที่ซับซ้อนมากขึ้นในการสอนแบบความร่วมมือในการเรียนรู้
สถานการณ์ที่ 3
ขณะที่นักเรียนเกรดที่ 5 ของ Kelly Farmerเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาในซาวันนา เป็นวันแรกของโรงเรียน นักเรียนพบรายชื่ออยู่บนโต๊ะเรียน หล่อนยิ้มไปที่นักเรียนแล้วบอกว่าพวกเราเริ่มเรียนรู้ชื่อของพวกเราทั้งหมด และเป็นหนึ่งวิธีที่เราทำงานร่วมกันในปีนี้ พวกเราสังเกตว่าครูได้เตรียมเรียนไว้เป็นคู่และเธอนั่งด้วยกันเป็นเพื่อนร่วมงานกันในกิจกรรมต่าง ๆ ในวันนี้ ครูต้องการให้เพื่อนแต่ละคนเอารายชื่อเพื่อนในชั้นเรียนและแยกเป็นชื่อแรกโดยชื่อนั้นออกเสียงอย่างไร แล้วเราแบ่งปันกันเป็นกลุ่ม ๆ หรือแยกให้เพื่อนแต่ละคนได้ทำกิจกรรมกัน สิงนี้จะช่วยให้เราเรียนรู้ชื่อของอีกคนหนึ่ง มันเป็นการแนะนำตัวต่ออีกคนหนึ่งของหลายวิธีที่เราจะสะกดตัวและวิชาอื่นๆ อีกหลายวิชาในปีนี้ ครูรู้ว่า ครูแอนนิสว่าพวกเธอทำงานอย่างจริงจังมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว ดังนั้นพวกเธอรู้ว่าจะแยกแยะอย่างไร แต่ต้องให้ครูรู้ด้วยถ้ามีปัญหา
นักเรียนทำในสิ่งที่นักเรียนรู้และนักเรียนทำในสิ่งที่นักเรียนทำภายใน 2-3 นาทีนักเรียนก็ทำงานเรียบร้อยเพื่อที่จะแบ่งปันการแยกสิ่งที่ขาทำมาแล้วเราเอา Nancy และ Sally อยู่ด้วยกันเพราะ 2 ชื่อลงท้ายด้วย “ y” เราเอา George และ Jerry อยู่ด้วยกันเพราะได้ยินเสียงเหมือนกันที่ตัวเริ่มต้น แม้ว่าเขาอย่างยาก เราเอา 3 Kevin’s เข้าด้วยกัน 2-3 นาทีต่อมาทั้งคู่กำลังบ่นพึมพำด้วยกันเมื่อเขาช่วยเหลืออีกคนหนึ่งเรียนรู้เพื่อที่จะสะกดชื่อ
เคลลี่ได้เริ่มจัดนักเรียนอยู่ในกลุ่มของความร่วมมือโดยเราดำเนินการจัดการสำหรับการเรียนรู้ร่วมมือกัน หล่อนจะสอนนักเรียนเพื่อที่จะทำงานเป็นคู่ หรือกลุ่ม 3 คน ซึ่งสามารถรวมเห็นกลุ่ม 4 กลุ่ม 5 กลุ่ม 6เพื่อน ๆ นักเรียนจะเปลี่ยนกิจกรรมที่แตกต่างกันไป นักเรียนเรียนรู้ที่จะยอมรับจำนวนนักเรียนในชั้นเรียนและจะเรียนรู้ว่าเขาต้องทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ และพยายามที่จะแน่ใจว่าได้รับวัตถุประสงค์ของแต่ละกิจกรรม
หล่อนเริ่มต้นด้วยงานเป็นคู่ เพราะมันรวมกันง่ายที่สุด ความจริงกิจกรรมความร่วมมือในการฝึกหัดก่อนจะกระทำเป็นกลุ่มๆละ 2 คนและ 3 คนเพราะจะมีการปฏิสัมพันธ์ง่ายกว่ากลุ่มใหญ่ เหตุผลเดียวกันหล่อนได้ใช้ภาระงานก้าวไปช้างหน้าและคุ้นเคย สำหรับการฝึกฝนภายในกล่าวคือมันง่ายสำหรับนักเรียนที่เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกัน เมื่อเขาไม่จัดกิจกรรมหลักที่ซับซ้อนในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นยกตัวอย่างเช่น หล่อนจะให้นักเรียนเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานและมีเพื่อนร่วมงานคนใหม่ ทดสอบคนอื่น ๆ แต่ละคนจากความรู้ง่าย ๆ เช่น คำพูด และเมืองหลวง และผู้ให้ความรู้ และคนอื่น ๆ หล่อนจะเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง และถามจัดเป็นหมวดหมู่ขนาดเล็ก ๆ นักเรียนแต่ละคนจะเรียนรู้ว่าจะทำงานอย่างไรกับใครและนักเรียนอื่น ๆ ในชั้นเรียนที่มีภาระงานอย่างที่แตกต่างกันไปต่อมาหล่อนจะสอนเด็กให้สะท้อนไปยังภาระงานที่มีรูปแบบการสอนเช่นเดียวกัน ชุดความร่วมมือที่ซับซ้อนมากขึ้น ตอนปลายเดือน ตุลาคม หล่อนหวังที่จะให้นักเรียนมีทักษะที่เพียงพอที่หล่อนจะแนะนำไปยังกลุ่มกลุ่มความร่วมมือในการเรียนรู้
ครูทั้ง 2 คนได้เริ่มดำเนินการบนภาระงานของการสร้างการเรียนรู้ชุมชน เขาจะสอนนักเรียนทำงานร่วมกันอย่างไม่เป็นส่วนตัวแต่อย่างเป็นไปได้ที่จะร่วมกัน และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อที่จะสร้างและทดสอบสมมุติฐานและเพื่อแนะนำคนอื่น ๆ เมื่อเขาพัฒนาทักษะ ความแตกต่างในความพร้อมระหว่างชั้นเรียนจะมีผลกระทบระดับไร้เดียงสาของการร่วมมือของเขาทั้งหลายแต่กระบวนการพื้นฐานก็จะเหมือน ๆ กัน
ครูแต่ละคนได้ครอบงำกลยุทธ์ที่แตกต่างกันสำหรับการศึกษานักเรียนของเขาทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีโต๊ะนักเรียนเป็นการเรียนรู้แบบวงกลม(Johnson and Johnson, 1994)การเรียนรู้แบบร่วมมือในห้องเรียน (Johnson, Johnson and Holbec,1994) และแหล่งเรียนรู้ร่วมกันสำหรับ(Lagan,1990) แต่ละคนกำลังศึกษานักเรียนการเรียนรู้อย่างไรตามความเป็นจริงที่เขาได้ร่วมมือกันและการตัดสินใจที่จะออกแบบกิจกรรมครั้งต่อไปที่จะสอนทำงานอย่างเป็นผลตามความจริงร่วมกัน
วัตถุประสงค์และการสันนิษฐาน(Purposes And Assumption)
การสันนิษฐานที่เน้นความสำคัญของชุมชนที่พัฒนาการเรียนรู้ร่วมกันดำเนินต่อไปดังต่อไปนี้
1.การทำงานร่วมกันทำให้เกิดการจัดกลุ่มร่วมมือกันทำให้เกิดแรงจูงใจมากกว่าทำตามลำพังในสิ่งแวดล้อมที่ที่มีการแข่งขันกันกลุ่มสังคมที่การบูรณาการมีผลดีมากกว่าส่วนรวมของเขา ความรู้สึกของการติดต่อกันผลิตแต่สิงดี ๆ
2.สมาชิกของกลุ่มร่วมมือเรียนรู้จากคนอื่นผู้เรียนแต่ละคนยื่นมือช่วยเหลือมากกว่าในการทำงานแยกกัน
3.การปฏิสัมพันธ์กับอีกคนหนึ่งจะผลิตการรับรู้เช่นเดียวกับการสับสนของสังคมการสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมการใช้ปัญญาการเรียนรู้เพิ่มขึ้น เมื่อขัดแย้งกับการศึกษาตามลำพัง
4.การร่วมมือกันเพิ่มความรู้สึกที่ดีต่ออีกคนหนึ่งก็จะลดความเหินห่างและความโดดเดี่ยว เป็นการสร้างสัมพันธภาพและการเตรียมการความคิดที่บอกเล่าของคนอื่น ๆ
5.การร่วมมือเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเองไม่เพียงแต่การเพิ่มการเรียนรู้เท่านั้นแต่เพิ่มความรู้สึกการให้ความเคารพและการดูแลโดยคนอื่นในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
6.นักเรียนผู้ซึ่งมีความชำนาญในการเรียนรู้ร่วมกันมีความสามารถเพิ่มขึ้นเพื่อทำงานร่วมกันพูดได้อีกอย่างนักเรียนมีโอกาสทำงานร่วมกันเขาได้รับสิ่งที่ดีกว่าซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทักษะทางสังคมโดยทั่วไป
7.นักเรียนรวมทั้งเด็กชั้นประถมศึกษาเรียนรู้จากการฝึกฝนเพิ่มขึ้นสามารถทำงานร่วมกันได้
ใน 30 ปีที่ผ่านมาความสนใจที่จะค้นคว้าการออกแบบการเรียนรู้ในการทำงานร่วมมือกันใหม่อีกครั้งหนึ่งงานกระบวนการวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันมีการทดสอบสมมุติฐานและประมาณการได้แม่นยำยิ่งขึ้นของผลงานทางวิชาการ ส่วนบุคคลและพฤติกรรมทางสังคม งานโดย 3 กลุ่มนักวิจัยเป็นส่วนที่ทำให้น่าสนใจ กลุ่มที่ 1 นำโดยDavid และ Roger Johnson ของมหาวิทยาลัยมินนิสโซต้า(Johnson and Johnson,1974,1981,1990) กลุ่มที่ 2 นำโดย Robert Slavin(1983,1990)แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นสฮอปกินส์ และกลุ่มที่ 3 นำโดย Shlomo Sharan แห่งมหาวิทยาลัยเทล อาวีฟ(1980,1990a)การใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ทีมของทั้งสองทีมของจอห์นสัน และ สลาวินรวมกลุ่มของความร่วมมือในการเรียนรู้ที่ทดสอบอย่างใกล้ชิดกับสันนิษฐานของกลุ่มครบครัวทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาได้ศึกษาภาระงานความร่วมมือและผลลัพธ์จากการเรียนรู้ต่อโครงสร้างได้อย่างเรียบร้อย เขาได้สอบถามกลุ่มพฤติกรรมที่มีความร่วมมือกันและความสัมพันธ์ระหว่างเป็นการพิสูจน์กระบวนการเรียนรูร่วมมือกัน ในบางคนของกลุ่มความร่วมมือการเรียนรู้เขาได้ทดสอบผลกระทบภาระงานความร่วมมือและโครงสร้างที่ทดแทนบนพื้นฐานประเพณีซึ่งนักเรียนนำเสนอกับอุปกรณ์เป็นหลักสำคัญ
ความสำคัญของพวกเราเป็นคำถามของกลุ่มร่วมมือกันทำงานในความเป็นจริงแล้วทำให้เกิดพลังงานที่เป็นผลต่อการพิสูจน์การเรียนรู้หลักฐานเป็นการบอกเล่าอย่างกว้างขวางในการจัดการภายในห้องเรียนดังนั้นนักเรียนทำงานเป็นคู่หรือเป็นกลุ่มใหญ่ผู้ให้คำแนะนำแต่ละคนและการแบ่งปันรางวัลมีความรอบรู้ด้านสื่อยิ่งใหญ่กว่าการศึกษารูปแบบการท่องจำแต่โดยลำพังดังนั้นการแบ่งปันความรับผิดชอบและผลผลิตที่ได้ปฏิสัมพันธ์ดีกว่าและผลของภาพพจน์จะดีกว่าสำหรับนักเรียนที่ได้คะแนนไม่ค่อยดี ในทางตรงกันข้าม ผลจากการเห็นพ้องการสันนิษฐานภายใต้การใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน
รูปแบบการทำงานแบบการเคลื่อนที่และเกี่ยวกับประสิทธิภาพของพฤติกรรมการร่วมมือกันความสัมพันธ์ของกลุ่มและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำและสูงตามลำดับเราจะอภิปรายการค้นคว้าของเขาและอภิปรายกลุ่มความร่วมมือในบทนี้
การใช้ที่น่าตื่นเต้นของกระบวนการร่วมมือเป็นการรวมเอารูปแบบจากการคุ้นเคยอื่น ๆ ในความพยายามที่จะรวมประสิทธิภาพของรูปแบบหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น บาเยจา,ชาวเวอร์สและจอยส์(1985)ทำการศึกษากระบวนการในการชักนำมาสู่ความสำเร็จทำให้สำเร็จในกลุ่มร่วมมือ ประสิทธิผลทำให้บรรลุผลสัญญาของการสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดรูปแบบกระบวนการให้ข้อมูลและสังคมปฏิกริยาที่ได้รับเป็นสองเท่าของกลุ่มที่เปรียบเทียบกันได้รับกลุ่มปัจเจกชนอย่างเข้มข้น และกลุ่มผู้ให้คำแนะนำที่ใช้สื่อเหมือนกัน จอยส์, เมอร์ฟี่, ชาวเวอร์(1989) รวมกันกับการเรียนรู้แบบร่วมมือกันกับรูปแบบอื่นๆ ของการสอนเพื่อที่จะได้รับการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น 30 ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ในอัตราการส่งเสริมกับการเสี่ยงของนักเรียนที่จะบรรเทากิจกรรมที่ยุ่งเหยิงและมีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเพิ่มขึ้น ในพฤติกรรมของการร่วมมือและการเรียนรู้รูปแบบรูปภาพของคำที่นำมาใช้ ในการศึกษาบทที่ 12 กับประสิทธิผลความรู้มากมายถูกแยกกระจายไปยังบรรยากาศในความร่วมมือกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์พิเศษ
ครูเหล่านั้นสำหรับผู้ใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือจะพบนวัตกรรมอันหนึ่งคือเป็นลักษณะที่ชอบพอ ที่มันง่ายที่จัดการให้นักเรียนจับคู่กันหรือจัดเป็นกลุ่ม 3และได้ผลอย่างรวดเร็วการรวมกลุ่มกันของผู้สนับสนุนสังคมและพวกที่เพิ่มขึ้นในสาเหตุที่ซับซ้อนที่แน่นอน โดยปฏิกิริยาทางสังคมที่มีใจแต่มีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว ในการเรียนรู้เนื้อหาและทักษะ นอกจากนั้นเพื่อนร่วมงานในการเรียนรู้ได้เตรียมห้องปฏิบัติการที่น่าพอใจในการพัฒนาทักษะทางสังคมและพอใจสำหรับอย่างอื่นด้วยพฤติกรรมที่ยุ่งเหยิงและการผลักภาระงานทำให้ลดลงอย่างมากมาย นักเรียนรู้สึกดีขึ้นกับการจัดกลุ่มความร่วมมือความรู้สึกที่ไปในทางที่ดีต่อตนเองและคนอื่นสูงขึ้น
ลักษณะที่ดีอีกอย่างหนึ่งนักเรียนกับนักวิชาการเก่า ๆ ได้ประโยชน์อย่างรวดเร็ว เพื่อนร่วมงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และการให้ความร่วมมืออย่างแน่วแน่มีประสิทธิภาพของการซึมซับของตนเองลดลง เพิ่มการเรียนรู้ส่วนบุคคลอย่างมีความรับผิดชอบ ขณะที่ขนาดของประสิทธิภาพในการเรียนรู้ทางวิชาการเป็นไปอย่างสุภาพเรียบพอประมาณ แต่ความยึดมั่นประสิทธิภาพการเรียนรู้ทางสังคมและความเชื่อมั่นในภาระบุคคลสามารถเป็นไปได้มาก เมื่อเปรียบเทียบกับ กฎทำกับการจัดการเรียนการจัดการเรียนในห้องเรียนเฉพาะ(จอยส์, คาลฮวน, จูทรัส และนิวโลพ, 2006., จอยส์ ไฮรเวค, คาลฮวน, และไฮรโดด, 2006.)
พวกเราพบว่าพ่อแม่และครูเชื่ออย่างจิงจังว่านักเรียนที่ประสบผลสัมฤทธิ์มากที่สุดในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะบุคคลจะไม่ได้รับประโยชน์จากการได้ในสิ่งแวดล้อมแห่งการร่วมมือกัน บางครั้งความเชื่อเหล่านี้จะถูกแสดงเหมือนกับนักเรียนมีพรสรรค์มากกว่าที่จะทำงานตามลำพังหลักฐานมากมายที่ขัดแย้งกันกับความเชื่อนั้น (สลาวิน, 1991; จอยส์ 1991a) บางที่ความไม่เข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่าง การศึกษาเป็นรายบุคคล หรือการศึกษาร่วมมือกัน สนับสนุนการยืนยันทางความเชื่อ การพัฒนาการความสัมพันธ์ทางเพื่อนร่วมงานไม่ได้บ่อยเป็นนัยว่าการสนับสนุนโดยเฉพาะไปเป็นที่ต้องการ ในรูปแบบในห้องเรียนของนางฮิลทิฟเปอร์ นักเรียนทุกคนอ่านโคลงกลอน เมื่อแยกแยะโคลงกลอนออกจากกัน นักเรียนแต่คนจะสร้างแนวความคิด และศึกษาความคิดของคนอื่นๆ ความคิดของแต่สังคมไม่ดำดิ่งอยู่ใต้น้ำ แต่จะยกระดับให้สูงขึ้นโดยการทำงานร่วมกันกับคนอื่นๆ นักเรียนที่ประสบความสำเร็จน้อยที่จะไม่ยกระดับการให้ความร่วมมือกัน ในสภาวะสิ่งแวดล้อมที่เป็นการร่วมตัวโดยเฉพาะนักเรียนทั้งหลายบางครั้งถูกสอนอย่างดูเหยียดหยามสำหรับนักเรียนที่ประสบความสำเร็จน้อย จะเป็นผลเสียหายต่อนักเรียนและประชาชนในอนาคต
การเพิ่มประสิทธิภาพของเพื่อนร่วมงาน: การฝึกฝนสำหรับความร่วมมือ (Increasing The Efficiency of Partnerships Training for Coorperation)
สำหรับเหตุผลที่ไม่ชัดเจนโดยสิ้นเชิงอย่างพวกเรา การสะท้อนกลับภายในบางคนบางคนต่อการสอน นักเรียนถูกหลักให้ศึกษาร่วมกันเป็นหนึ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกัน ว่าเราจะไม่รู้ว่าทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลความจริงงานที่ง่ายของเพื่อนร่วมงานไม่เป็นการต้องการของทักษะทางสังคม นักเรียนทั้งหมดมีความสามารถของการร่วมมือกัน เมื่อมีความชัดเจนเกี่ยวกับในสิ่งที่เขาถูกขอร้อง อย่างไรก็ตาม การพัฒนาวิธีการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธ์ภาพ เป็นสิ่งที่สำคัญชัดเจน และมีแนวทางสำหรับการช่วยเหลือนักเรียนฝึกฝนได้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพ เครื่องชี้แนวทางเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขนาดของกลุ่ม ความซับซ้อนและการฝึกฝน
ภาพพจน์ภายในของพวกเราเป็นการง่ายสำหรับกลุ่มเพื่อนร่วมงานเป็นคู่กับการงานที่เป็นความรู้ความความเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุผลคือว่า การจับคู่หรือทำงานเป็นคู่เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดทางการจัดการของสังคม วิธีการหนึ่งที่จะช่วยเหลือนักเรียนที่จะทำงานร่วมกัน จำเป็นต้องการฝึกฝนในการจัดกลุ่ม 2 คน และกลุ่ม 3 คน อย่างที่ขาดเสียมิได้พวกเราปรับความซับซ้อนผ่านภาระงานที่เราให้และเราจัดขนาดของกลุ่ม ถ้านักเรียนไม่คุ้มเคยที่จะทำงานร่วมกันมันทำให้รู้สักต่อกลุ่มเล็กที่สุดกับภาระงานที่ง่ายและคุ้นเคยสำหรับนักเรียนที่จะได้รับความต้องชำนาญ เพื่อที่จะทำงานในกลุ่มใหญ่ ภาระงานกลุ่มที่ใหญ่กว่า 6 คน เป็นการวุ่นวายและความต้องการฝึกทักษะผู้นำ ซึ่งนักเรียนไม่สามารถแบ่งโดยปราศจากความชำนาญการหรือการฝึกฝนจบ กลุ่มเพื่อนร่วมงาน 2 คน 3 คน หรือ 4 คน เป็นการทำงานที่ธรรมดาที่สุด การฝึกฝนเป็นผลในการเพิ่มประสิทธิภาพ ถ้าเราเริ่มต้นการเรียนรู่กับเพื่อนร่วมงานและแบ่งการฝึกฝนเป็น 2-3 สัปดาห์ เราจะพบว่านักเรียนกาลเป็นผลผลิตที่ได้ผลดีมากเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
การฝึกฝนอบรมเพื่อประสิทธิภาพ (Training for Efficiency)
มีทฤษฎีมากมายสำหรับการฝึกฝนอบรมนักเรียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการร่วมมือ และการพึ่งพาอาศัยกันที่เชื่อถือได้(ดูแกแลน, 1490; จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, 1999). สัญญาลักษ์ของมือแบบง่ายๆสามารถโดยชินกับความตั้งใจของกลุ่มที่วุ่นวาย กระบวนการที่ง่ายกระบวนการหนึ่งที่จำเป็นต้องสร้างขึ้น เมื่อผู้สอนยกมือของเขาหรือของหล่อนขึ้น บางคนผู้ซึ่งสังเกตว่า ต้องให้การเอาใจใส่ต่อผู้สอนและยกมือของเขาหรือของหล่อนด้วยนักเรียนคนอื่นๆ สังเกตและยกมือของขึ้น แล้วในไม่ช้าการเรียนการสอนทุกกลุ่มกำลังให้ความสนใจ กระบวนการแบบนี้มีเพราะมันทำงานขณะที่มี การหลีกเลี่ยง การตะโกนของเพื่อนร่วมงานที่วุ่นวาย และสอนนักเรียนที่เป็นกระบวนการให้นักเรียนมีส่วนร่วม
แคแคน (1990) ได้พัฒนากระบวนการสอนนักเรียนหลายอย่างที่จะทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายและมั่นในว่านักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมเท่าเทียมกันในกลุ่มงานตัวอย่างง่ายๆทีเรียกว่า “จำนวนหัว หรือ รายหัว หรือ รายคน” ระดมสมอง สมมุติว่านักเรียนกำลังทำงานกลุ่ม 3 งานของแต่ละสมาชิกเหมาจาก 1 คน มา 3 คน ภาระงานดังง่ายขึ้น คุณสามารถจะหางานเขียนค่าอุปมาจำนวนมากเท่าไร สมาชิกทั้งหมดรับผิดชอบสำหรับภาระงานแต่ละงานที่สำคัญหลังจากช่วงเวลาที่เหมาะสม ครูผู้สอนก็เรียกหมายเลข 1 หมายเลข เช่น หมายเลข 2 คนที่เป็นหมายเลข 2 ของทุกกลุ่มยกมือขึ้นครูผู้สอนก็เรียก คนหนึ่งของเททั้งหลาย คนอื่นๆ ทั้งหมดรับผิดชอบที่จะฟังและเช็คคำตอบของคนที่รายงาน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหมายเลข 7 เป็นผู้รับผิดชอบ นักเรียนคนอื่นๆ ก็รับผิดชอบเพื่อจะตรวจที่จะโต้ตอบด้านกับกลุ่มของเขา เห็นด้วยกับกลุ่มเขากี่คน และไม่แนบด้วยกับกลุ่มเขาเท่าไรกระบวนการถูกออกแบบอย่างมั่นใจว่า นักเรียนบางคนไม่ได้เป็นผู้เรียนและเป็นผู้พูด สำหรับกลุ่มของเขาขณะที่คนอื่นๆ ก็ทำในการต่อไป
สำหรับงานที่จัดการไว้แล้ว การสอบก่อนเรียนอาจจะสอนตัวอย่างอาจเป็นรายการของคำที่จะเรียนรู้เพื่อที่จะสะกดคำ หลังจากสอบก่อนเรื่องจะช่วยให้นักเรียนศึกษาคำทั้งหลาย ในช่วงเวลานั้นนักเรียนอาจจะแนะนำคนอื่นๆ ตามี่จะทดสอบหลังเรียน แต่ละกลุ่มจะคำนวณคะแนนที่ไม่รับได้(โดยเอาคะแนนหลังเรียนลบด้วยคะแนนก่อนเรียน) ให้ทุกคนได้กล่าวว่าเรียนรู้ของทุกคน นอกเหนือจากการเรียนรู้ร่วมมือกันแล้วกระบวนการทำให้ชัดเจน การแสดงออกของการเรียนรู้ที่ได้รับเป็นเป้าหมายของแนบฝึกหัด เมื่อเป็นเพียงการทดสอบหลังเรียนที่ถูกใช้ มันไม่ชัดเจนที่จะรู้ว่าเป็นการเรียนรู้ที่แท้จริงหรือไม่ การเรียนสามารถไม่รับคะแนนสูงคะแนนไม่สูงกว่าที่เขาได้รับตอบทดสอบก่อนเรียนก็ได้
กลุ่มภาระงานของการฝึกอบรมสามารถช่วยนักเรียนได้เรียนรูเพื่อนร่วมงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก เพื่อจะเพิ่มความรู้ให้อีกคนหนึ่งและเพื่อที่จะทำงานอย่างขยันสำหรับการเรียนรู้ของคนทั้งหมด
การฝึกฝนอบรมสำหรับการพึ่งพาอาศัยกัน (Training for Interdependence)
ตามที่ได้ฝึกฝนและการฝึกอบรมสำหรับพฤติกรรมความร่วมมือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กระบวนการที่จะช่วยเหลือนักเรียนกลายเป็นการพึ่งพาอาศัยกันอย่างแท้จริงที่หามาได้ความซับซ้อนน้อยที่สุดเกี่ยวข้องกับผลกระทบของกระบวนการกลุ่มและการอภิปรายเกี่ยวกับวิธีทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดความซับซ้อนเกี่ยวข้องกับการกำหนดงานที่ต้องการพฤติกรรมการพึ่งพาอาศัยกันยกตัวอย่างเช่น เกมส์ไพ่ที่จะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับ (qive up valvalu qards) การสิ้นสุดไพ่ที่มีคุณด่าต่อผู้เล่นคนอื่น เกมส์การสื่อสารซึ่งสำเร็จได้ต้องการเอาตำแหน่งของอีคนหนึ่ง เกมส์ที่เราคุ้นเคยเหมือนกันการทายคำปริศนาหรือการทายรูปภาพว่า เป็นที่รู้จักกันดีเพราะว่าขาเพิ่มการทำงานร่วมกันและความสามารถที่จะวางคนเองไปแทนที่คนอื่นๆ มีกระบวนการที่หมุนเวียนกันไปเพื่อที่จะให้แต่ละคนเครื่องที่จากงานผ่อนอันหนึ่งไปยังงานย่อยอีกอันหนึ่งและที่ซึ่งสมาชิกหวนกับมาทำงานเช่นเดียวกันคนทำงานร่วมกัน
คณะทำงานของจอห์นสัน(1999) ได้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มภาระงานเหล่านี้สามารถเพิ่มการทำงานแบบพึ่งพาอาศัยกัน ความประทับใจ และเอาความสามารถออกมาและนักเรียนสามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์กลุ่มสัมพันธ์และเรียนรู้เพื่อที่จะสร้างสรรค์บรรยากาศของกลุ่มที่ให้การสนับสนุนร่วมกันและมีการสอนรวมความรับผิดชอบ การสอนที่เป็นรูปแบบที่มีบทบาทการเล่น เป็นการออกแบบที่จะช่วยเหลือวิเคราะห์คุณค่าของนักเรียนและเพื่อที่จะทำงานร่วมกับจะพัฒนาการทั้งการปฏิสัมพันธ์ทั้งสำหรับการอ้างถึง
การแบ่งปันของแรงงาน: เป็นการเชี่ยวชาญพิเศษ
Division of Labor: Specialization
การแบ่งปันของแรงงาน เป็นการเชี่ยวชาญพิเศษ (Division of Labor: Specialization)ความแตกต่างของกระบวนการได้พัฒนาเพื่อช่วยนักเรียนช่วยเพื่อนนักเรียนอีกคนหนึ่งโดยการแบ่งแรงงานอย่างไรอย่างจะเป็นที่สุด ภาระงานที่ถูกเสนอ เช่น วิธีแบ่งเป็นแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เหตุผลที่แย่งอยู่ เป็นการแบ่งปันแรงงานการเชื่อมโยงกลุ่มเพิ่มขึ้น เมื่อคณะทำงานทำงานเพื่อเรียนรู้ข้อมูลหรือทักษะขณะที่แน่ใจว่าสมาชิกทั้งหมดมีความรับผิดชอบในการเรียนรู้และบทบาทสำคัญของเกลุ่ม เช่น ห้องเรียนหนึ่งกำหลังเรียน ภาษาอาฟริกาและแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่ม 4 คน สี่ประเทศถูกเลื่อนเพื่อที่จะศึกษาหนึ่งของแต่ละทีมอาจถูกกำหนดเป็นผู้เชี่ยวชาญประเทศหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญประเทศจากทุกทีมจะรวมกับและศึกษาชาติที่กำหนดให้และกลายเป็นผู้ให้คำแนะนำสำหรับกลุ่มแรกของเขา ความรับผิดชอบในการสรุปข้อมูลและการนำเสนอต่อสมาชิกอื่นๆหรืออย่างเดียวกันเมื่องานที่ต้องการจดจำถูกเสนอต่อชั้นเรียน กลุ่มก็จะแบ่งความรับผิดชอบเพื่อความจัดที่สร้างสรรค์สำหรับหลังเกณฑ์ของข้อมูล หรือคณะทีมงานสามารถเอาความรับผิดชอบเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่จะเรียนรู้
กระบวนการหนึ่งที่รู้แล้ว Jigsaw การเล่นต่อคำ (อะรอนสัน, บาลาเน่, สตีเฟิน ซิงก์ และสแนส 1978; สลาวิน 1983) พิสูจน์ได้ว่าการพัฒนารูปแบบปกติสำหรับการแบ่งแรงงาน มันจัดประสิทธิภาพขึ้นอย่างสูงและเป็นพิเศษ การให้คำแนะนำกระบวนการแบ่งปันของแรงงานเมื่อการจัดห้องเรียนแบบเฉพาะให้แต่ละคนทำแบบฝึกหัด เพื่อทักษะในการพัฒนาที่ดีที่สุด กระบวนการแบ่งปันแรงงานต้องการให้นักเรียนหมุนเวียนบทบาททักษะของเขาในการพื้นที่ทั้งหมด
เกี่ยวกับความร่วมมือหรือเกี่ยวกับการแข่งขันโครงสร้างที่มีเป้าหมาย Corporative or Competitive Goal structures
นักพัฒนาบางคนได้จัดทีมเพื่อแข่งขันต่อสู้กับอีกกลุ่มหนึ่งขณะที่กลุ่มอื่นเน้นเป้าหมายความร่วมมือ และจัดการแข่งขันทีมเล็กๆ จอห์นสันและจอห์นสัน (1990) วิเคราะห์การค้นคว้าและได้หน้าว่าหลักฐานสนับสนุนโครงสร้างที่มีเข้าหมายเกี่ยวกับความร่วมมือแด่ สลาวิ่น(1983) โต้แย้งว่า การแข่งขันระหว่างทีมมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้คำถามขั้นต้นนักเรียนได้ปรับปรุงต่อการแข่งขันกับอีกวันหนึ่งหรือกับเป้าหมายอันหนึ่ง เพื่อนร่วมงานหลายกลุ่มจัดการเรียนการสอนทั้งชั้น เพื่อจะให้ทำงานร่วมกันไปสู่เป้าหมาย ยกตัวอย่าง กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนมิชอบเริ่มเรียนวิชาเคมี โดยการจัดให้นักเรียนเป็นผู้เชี่ยวชาญรูปแบบที่มีประสิทธิภาพของระดับตารางธาตุ ในทีมเขาสร้างความจำว่าเคยใช้โดยทีมทั้งหมดภายใน 2 สัปดาห์ นักเรียนรู้ตารางจากหลังไปหาหน้าและความรู้ก็ส่งไปให้ผู้จัดการโครงสร้าง(ดูบทที่ 9) เพี่อวิชาทั้งหมด ในกลุ่มนักเรียนเกรด 5ศึกษาการสำรวจของสังคมเริ่มระบบการจำรัฐ เมืองใหม่ แม่น้ำ และภูเขา และข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาคะแนนของชั้นเรียนถูกบันทึก (ตัวอย่าง 50 รัฐ คูณ 30 คนเป็น 1,500 เรื่อง)เป้าหมายสำหรับชั้นเรียนคือทั้งหมดได้รับคะแนนสมบรูณ์ชั้นเรียนที่หารายได้คะแนนมากกว่า 1,450 ภายใน 1 สัปดาห์ การทิ้งไว้โดยเฉพาะกับทุกๆ 2 คนในข้อที่สำคัญไปถึงคะแนนที่สมบรูณ์สำหรับชั้นเรียน
แรงจูงใจ จากภายนอกไปยังภายใน
Motivation: From Extrinsic to Intrinsic?
บทความเกี่ยวกับเน้นโครงสร้างเป้าหมายที่เกี่ยวกับความร่วมมือหรือเกี่ยวกับตัวบุคคลเฉพาะเกี่ยวข้องกับความคิดของแรงจูงใจ ยังรอน (1990)ได้แย้งว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับความร่วมมือเพิ่มขึ้นส่วนใหม่ เพราะว่าเป็นเหตุการณ์ปรับปรุงเกี่ยวกับแรงจูงที่เครื่องมาจากภายนอกสู่ภายใน พูดอีกอย่างหนึ่งว่า เมื่อนักเรียนร่วมมือเรียนรู้การทำงานมากขึ้น เขาก็สนใจในการเรียนรู้สำหรับผลประโยชน์ของมันของมากกว่ามาลงจากภายนอก ดังนั้นนักเรียนได้ต่อสู้การเรียนรู้ความรู้สึกภายในและคลายเป็นขึ้นอยู่กับการชมเชยจากผู้หรือผู้มีอำนาจอื่นๆ แรงจูงใจภายในมีพลังมากกว่าแรงจูงใจภายนอก เป็นผลต่ออัตราการเรียนรู้เพิ่มขึ้นและเป็นการรักษาข้อมูลและทักษะเอาไว้
กรอบของการอ้างอิงของการเรียนรู้ร่วมมือของชุมชน เช่น การทำงานโดยตรงต่อผู้ร่วมมือการว่าหลายโดยโรงเรียนได้วางใจต่อการใช้ประโยชน์ของแบบทดสอบและรางวัลสำหรับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อย่างไม่มีปัญหา เป็นหนึ่งของพื้นฐานของเป้าหมายของการศึกษาต้องเพิ่มแรงจูงใจภายใน ต่อการเรียนรู้ และต่อการท้าทายของนักเรียนที่จะบังเกิดการเรียนรู้สำหรับความพึงพอใจที่เพิ่มข้น ถ้าการเรียนรู้แบบร่วมมือ ประสบผลสำเร็จในบางส่วนเพราะว่าเขาสนับสนุนไปถึงเป้าหมายนี้ การทดสอบและโครงสร้างรางวัลมีอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนทั้งหมดอาจเป็นอุปสรรคช่วยการเรียนรู้จริงๆ ขณะที่เรากลับมายังกลุ่มสอบสวน เป็นรูปแบบหนึ่งที่มีพลังที่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับมูลฐานการเรียนรู้สิ่งแวดล้อม พิจารณาว่า แตกต่างกันอย่างไร เป็นภาระงาน โครงสร้างความร่วมมือและหรือสำคัญของแรงจูงใจ เขาสังเกตในหลายโรงเรียนในยุคเดียวกัน
กลุ่มการสอนแบบสอบสวน: เป็นการสร้างการศึกษา ผ่านกระบวนการประชาธิปไตย Group investigation: Building education Through the democratic Process
ชั้นเรียนทางสังคมเกรด 11 ของเดบบี ไซโคยอส บนโลก ภูมิศาสตร์ กำลังศึกษาข้อมูลประชากรจากโปรแกมคอมพิวเตอร์ PC GLOBE ซึ่งมีข้อมูล 177 ประเทศ แต่ละกลุ่ม 4 คน จำนวน 9 กลุ่มใหม่มีการวิเคราะห์ข้อมูลประมาณ 20 ประเทศ แรงดันหาความสัมพันธ์กันระหว่างความแตกต่างของประชากร ต่อ Casita GNP , อัตราการคิด, ตามคาดหวังของชีวิต, การศึกษา, บริการสุขภาพ ฐานอุตสาหกรรม ผลผลิตการเกษตร ระบบการขนส่ง , หนี้สิ้นต่างประเทศ ความเท่าเทียมการใช้จ่ายสิทธิสตรี และแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ
กลุ่มต่างๆรายงานและอะไรเริ่มต้นแล้วกับแบบฝึกหัดทางวิชาการโดยบริสุทธิ์กระตุ้นนักเรียน “คนเกิดมาในยากประเทศมีความคาดหวังในชีวิต 20 ปี น้อยกว่าชาวบ้านในประเทศอื่นๆ”
“ชาวประเทศที่ร่ำรวยจ่ายค่าอำนวยความสะดวกให้กองทัพและบุคคลมากกว่าประเทศที่ยากจนที่กว้างใหญ่ใช้จ่ายการดูแลสุขภาพ”
“สิทธิของสตรีใหม่มีความสัมพันธ์กับชนิดของรัฐบาล! ระบบประชาธิปไตยมีเสรีภาพน้อยกว่า ระบบเผด็จการ
“ประเทศเล็กๆ มีความร่ำรวยอย่างสัมพันธ์กันเพราะการค้า และการอุตสาหกรรม ชาวประเทศจะมีการทำเหมืองแร่แห่งหนึ่งอย่างมีคุณค่า”
“สหรัฐอเมริกาเป็นหนี้บุญคุณประเทศอื่นๆ จำนวนเงินมากมายที่สุด”
เวลาที่สุดงอมสำหรับกลุ่มสอบสวน Ms.Psychoyos นำนักเรียนอย่างระมัดระวังที่จะบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการแสงดออกของนักเรียน นักเรียนทำการตัดสินใจนำข้อมูลมารวมกันทุกประเทศและพบว่า ถ้าการสรุปกลุ่มกำลังมาจะถือว่าเป็นกลุ่มข้อมูลตลอดไป นักเรียนตัดสินว่าเข้าทั้งหลายต้องการแบบวิธีการรับข้อมาบที่เป็นหนี้เกี่ยวกับเลือกประเทศที่จะออกจากข้อมูลทางสถิติ แต่ประเทศไหนละแล้วเขาทั้งหลายจะพยายามทดสอบสมมุติฐาน
นักเรียนคนหนึ่งรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับการจัดเตรียมการของโลกและเข้าทั้งหลายสัมพันธ์กับสถานการณ์สังคมโลก เขาได้อันเกี่ยวกับสหประชาชาติ และ UNESCO United Nation Educational Scientific and Culture Organization องค์การการศึกษาศาสตร์และวัฒนธรรมของสหประชาชาติแต่ครุมเครือเกี่ยวกับเขาทำหน้าที่อย่างไร หลายอย่างได้ยิน NATOหลายอย่างเกี่ยวกับชุมชนเศรษฐกิจของยุโรป สร้างคนหลายคน ยกหลายตัวเกี่ยวกับการแตกแยกสาขาพาสงครามอีรัก หลายคนประหลาดใจเกี่ยวกับประเทศอินเดีย ประเทศจีน และเขาทั้งหลายเหมาะที่เข้าไปอยู่ในรูปภาพ
อย่างชัดเจนการตัดสินใจมาก่อนสำหรับการสอบสวน จะไม่จ่ายอย่างไรก็ตามเงื่อนไขสำหรับกลุ่มสอบสวนเป็นปัจจุบัน นักเรียนจะยุ่งยากซับซ้อน เขาแสดงออกที่แตกต่างกันต่อคำถามที่แตกต่างกัน เขาต้องการข้อมูลความรู้ และแหล่งความรู้เหมาะที่จะใช้ นางสาวไซโคยอก ยิ้มที่หน้าบานก่อนไปร่อง ดำเนินการได้มีข้อมูลที่เราต้องการหมดแล้ว เริ่มค้นกับสิ่งนั้นได้เราเอาคำถามของเราออกมาก่อนและแล่งงานกันทำเพื่อเอาข้อมูลความรู้เหล่านั้นจะช่วยเหลือเรา
ความคิดของจอห์น ดิวอี้ให้มาเพิ่มขึ้นต่อรูปแบบที่กว้างและมีพลังของการสอนให้รู้จักกลุ่มสอบสวน ในกลุ่มนี้นักเรียนถูกลักเขาในกลุ่มแก้ปัญหาประชาธิปไตย ที่โจมตีปัญหาทางวิชาการ และถูกสอนกระบวนการประชาธิปไตยและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ของการสอบสวนที่เขาทั้งหลายลงมือปฏิบัติการเคลื่อนไหลต่อการฝึกฝนประชาธิปไตยในห้องเรียนประกอบด้วยความพยายามที่จะปฏิรูปการศึกษาภาษาอเมริกันเป็นสำคัญอันดับแรก และแพร่การแสดงออกด้วยวิจารณญาณตอนอย่างมากมาย เมื่อโรงเรียนได้ทดลองกับการศึกษากระบวนการประชาธิปไตย เขาทั้งหลายจะถูกครอบงำลัทธิวิจารณญาณฐานอย่างจริงจัง ระหว่างปี 1930และ 1940 การศึกษาค้นคว้าเรื่องแรกผลิตโดยการปฏิรูปถูกพัฒนาในการป้องกัน ในการสะท้อนต่อคำถามเพิ่มขึ้น โดยเกี่ยวข้องกับประชากร เกี่ยวกับระดับของความไว้วางใจของเป้าหมายทางสังคม จะหน่วยเหนี่ยวการพัฒนาการทางวิชาต่างๆ ทั้งหมดยังไม่ขับแย้งกัน นักเรียนจากเราเรียนเหล่านั้น ไม่ได้รับประโยชน์ในหลายประเด็น ความจริงเขาทั้งหลายไม่ได้ปฏิบัติ นักเรียนจากสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับการแข่งขันที่สิ่งการศึกษาสังคมไม่ถูกเน้น(Chamberlin<Chamberlin, 1943) การแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบต่อไปอย่างไรก็ตามเหมือนว่าความผิดปกติในประชาธิปไตยซึ่งสถาบันทางการเมืองและการค้าขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการจัดการเกี่ยวข้องกับการตีความ
รูปแบบการศึกษาได้รับจากความคิดของสังคม โดยปกติและเห็นสิ่งที่มนุษย์จะเป็นเหมือนกับความดีอย่างหนึ่ง สังคมที่มีแต่ความสงบ ทฤษฎี ทางการศึกษามีเป้าหมายที่จะพัฒนาประชาชนที่มีการผู้ซึ่งสามารถอาศัยอยู่ในชุมชนและการเพิ่มขึ้นของทางชุมชน ผู้ซึ่งสามารถบรรลุผลด้วยตนเอง และผ่านชุมชน และสามารถช่วยเหลือการสร้างสรรค์และการทบทวน พวกเรามีรูปแบบจากเวลาของชาวกรี แผ่นพิมพ์ของPlato (1994) เป็นแผ่นพิมพ์เขียวสำหรับทางสังคมที่มีอุดมการณ์และแผนการการศึกษาที่สนับสนุนอุดมการณ์ทางสังคม Alistotle (1912) ได้จัดการกับการศึกษาและสังคมที่มีอุดมการณ์ ตั้งแต่เวลานั้น กลุ่มสังคมที่สมบรูณ์ได้ผลิตรูปแบบการศึกษาทั้งหลายร่วมกันกับAugustine (The city of God, 1931) Sir Thomus More (Utopia, 1965) Comenius(The Great Didactic, 1907) และ John Locke (1927)
มันเป็นธรรมชาติที่เป็นความพยายามที่จะทำทฤษฎีการสอนเพื่อที่จะปรับปรุงสังคม ในสหรัฐอเมริกามีการสนับสนุนอย่างกว้างขวางที่จะทำการพัฒนาการสอนในห้องเรียน เป็นกระบวนการรูปแบบของประชาธิปไตย ความจริงแล้วความแตกต่างของกระบวนการประชาธิปไตยจะง่ายกว่าทฤษฎีการสอนอื่นๆ ดังไปกว่านั้นความรู้เรื่องการศึกษาก็จะเกี่ยวข้องด้วย ในระยะเวลาของรูปแบบการสอน การะบวนการทางประชาธิปไตยอ้างถึงการจัดการเรียนเป็นกลุ่มในชั้นเรียนเพื่อจะทำบางอย่างหรือทั้งหมดตามภาระงาน ดังนี้
- พัฒนาระบบสังคมเป็นพื้นฐานและเป็นการสร้างสรรค์กระบวนการประชาธิปไตย
- การปฏิบัติการสอบสนวนทางวิทยาศาสตร์ในชีวิตสังคม ธรรมชาติและกระบวนการในกรณีนี้ ระยะเวลาของกระบวนการทางประชาธิปไตยมีความเหมือนกันกับทฤษฏีและการสอบสวนทางวิทยาศาสตร์
- ใช้การสอบสวนเพื่อแก้ปัญหาหรือปัญหาระหว่างบุคคล
- แบ่งสถานการณ์ความชำนาญที่เป็นฐานของการเรียนรู้
วิธีการสวนของทฤษฎีประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากมากกว่า เขาทั้งหลายต้องการรู้ที่มี
ระดับความเป็นการส่วนบุคคลและทักษะการสอน กระบวนการประชาธิปไตยเป็นการยุ่งยาก ชักช้าบ่อยๆ พ่อแม่ ครู และบุคลากรของโรงเรียนกล้าว่ามันจะไม่มีประสิทธิภาพตามทฤษฎีการสอน ยิ่งไปดำเนินลำดับของแหล่งการเรียนการสอนก็มีความจำเป็นและสิ่งเหล่านี้ทำได้ไม่ง่ายนัก มากที่อุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือโรงเรียนไม่มีการจัดการสอนกระบวนการจัดการเรียนการสอนทางวิชาการที่เป็นพื้นฐานเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนและผู้อุปการะก็มีส่วนสำคัญที่สุดที่ไม่รู้สึกเปลี่ยนแปลงการชี้แนวทางและการบริหารจัดการการให้ประสิทธิภาพในทางที่ดีต่อการเรียนรู้ของนักเรียนในขอบเขตของความคิดทั้งหมด มันเป็นความผิดพลาดอย่างรุ่นแรง ไม่ทำให้กลุ่มสอบสวนส่วนสำคัญอันหนึ่งในองค์ประกอบของโรงเรียนทั้งหมด
ภายใต้การกล้าคิดเกี่ยวกับปรัชญา
(The Philosophical Underpinning)
รูปร่างของการมีอิทธิพลในการสนับสนุนการพัฒนารูปแบบสำหรับกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งจอห์นอี้ ผู้ซึ่งเขียน How We Think (เราคิดอย่างไร) ในปี 1910 ซึ่งเป็นที่ยอมรับเขาเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการทำกระบวนการประชาธิปไตย โดยไม่ได้เป็นไปทำนองเมืองกับ Dewey โดยตรง เช่น ในปี1910 Charles Hubbard Judd(1934) เน้นนักวิชาการ William Heard Kilpatrick (1909) สำหรับหลายปีมานี้บุคคลที่สำคัญมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เน้นแก้ปัญหาสังคม, George Counts (1932) เน้นไม่เพียงแต่แก้ปัญหาทางสังคมยังสร้างสังคมใหม่ . Boyd Bode (1927) เน้นการแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการใช้ปัญญา
มากล่าวของผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการประชาธิปไตย และการสร้างสังคมใหม่ จัดทำขึ้นในปี 1961 โดย Gordon H. Hull fish และ Philip G. Smith in Reflective Thinking: The Method of Education. ผู้แต่งเน้นบทบาทของการศึกษาในการพิสูจน์ความสามารถของแต่ละคนเพี่อที่จะส่งผลในโดยวิธีที่เขาให้ข้อมูลและความนักคิดของเขาความเชื่อมั่นเขาและคุณค่าของเขา สังคมของนักคิดที่มีประสิทธิภาพจะสามารถพิสูจน์ด้วยตัวมันเอง และอนุรักษ์ความพิเศษเฉพาะของแต่ละบุคคลปรัชญานี้บรรลุไปด้วยหลายความคิดต่อปรัชญากระบวนการประชาธิปไตยมันลวดโครงร่างการเชื่อมต่อประชาชนในโลก กระบวนการทางปัญญาสังคม และหน้าที่ของสังคมประชาธิปไตย
Hull fish and Smith เน้นการพัฒนาทางปัญหาและทักษะกระบวนการทางสังคม สัมพันธ์ทั้งอย่างต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาทางกระบวนการทักษะทางสังคมต้องการทักษะในการสังเคราะห์และวิเคราะห์ ความคิดของการเกี่ยวข้องกันในปฏิสัมพันธ์สังคม
ต่อมาเขาทั้งหลายเชื่อว่า ความรู้จุดสร้าง และถูกสร้างใหม่อย่างต่อเนื่องโดยปัจจัยชนหลังกลุ่มคนเขาทั้งหลายเน้นความรู้นำไปถ่ายทอดไปให้เราผ่านการปฏิสัมพันธ์ความรู้สึกกับสิ่งแวดล้อมแต่เราต้องปฏิบัติการบนตามเชี่ยวชาญต่อการผลิตตามรู้ด้วยเหตุผลความรู้เป็นคุณภาพของคนและเป็นจุดรวมของความสึกแต่ละคน เช่น 2-3 นาทีก่อนการเขียนเรื่องนี้ หนึ่งในนักเรียนยืนบนเขา Rocky ของยุโรปที่มหาสุมทPacific ซึ่งคัดค้านสีน้ำตาลของชายฝั่งแค้ฟ่อเขียว เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างเงียบและประสบในทะเลและหัน และลากของความสอน เกี่ยวกับตักเขา ความคิดเกี่ยวกับทะเล ก้อนหิน แรงคลื่น และ ตื่นเต้น สงบ และความปรนัยใจที่เขารู้สึกไม่ได้เป็นมาตั้งแต่ดังเด่นในความชำนาญของมันเองสิ่งเหล่านี้สร้างโดยผู้เขียน ในการเกี่ยวพันกับความชำนาญ และต่อคนอื่นที่เขามี เขาสร้างความขัดรวบยอด และยืมมาจากคนอื่น เขาทำความรู้สึกบางอย่างและความเชื่อม และถูกให้บางอย่างโดยการเลียนแบบคนอื่น
ดังนั้นวิธีส่วนบุคคลของการสะท้อนในความเป็นจริงเป็นสิ่งที่ทำให้โลกเข้าใจได้ต่อพวกเขาทั้งหลายและให้ความหมายทางสังคมและบุคคลคุณภาพของความสามารถส่วนบุคคลเพื่อที่จะสะท้อนต่อความเชี่ยวชาญกลายเป็นตัวประกอบที่วิเคราะห์ในการแสดงคุณภาพของโลกว่าเฉพาะบุคคลจะสร้างเกี่ยวกับต้นแบบและหล่อนเอง บางคนไม่มีความรู้สึกมากมายของความชำนาญของเขาและหล่อน ไม่สะท้อนมันไม่มีการสร้างโลกน้อยกว่าบางคนเอาความชำนาญของเขาและหล่อน ไม่สะท้อนมันไม่มีการสร้างโลกน้อยกว่าบางคนเอาความชำนาญมากมายและสะท้อนอย่างเต็มที่มีกลายเป็นการวิเคราะห์ สำหรับการศึกษาเพื่อรับความรู้สึกต่อหลายรูปแบบของสิ่งแวดทางกายภาพและสังคม
คุณภาพโดยเฉพาะของความรู้สร้างสรรค์ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาเพื่อที่ทำการสร้างสังคมหนึ่ง ถึงแม้ว่า Hull fish และ Smith ได้ดำรงคงไว้ว่า ความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นความแข้งแกร่งของประชาธิปไตย การจัดการระหว่างเขาคือ กิจกรรมสำคัญของประชาธิปไตย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เรียนโดยเฉพาะเขาความรับผิดชอบสำหรับการสะท้อนถึงความชำนาญ และการพัฒนาความคิดที่เข้มแข็งของโลกและของกลุ่มของอถาบนชื่อที่เข้มแข็ง ผลของเครือข่ายของข้อมูลและคุณค่าเป็นคุณลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล สังคมประชาธิปไตยต้องการให้เราทำงานร่วมกัน เข้าใจคนอื่นๆ และพัฒนาการแบ่งปันกัน และสามารถทำให้เราเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
การเข้าใจของรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของการอ้างอิงและการเปลี่ยนแปลงรายวิชาของการจำเป็นต่อการจัดการสังคม แต่ต้องพัฒนาบุคคล เพื่อที่จะเข้าใจความคิดของคนอื่น การแบ่งปันความเข้าใจก็จำเป็นอย่างไรก็ตาม ความจริงซึ่งกันและกันต้องถูกสร้างขึ้นมา (ดู Berger and Luck main, 1966)
ส่วนประกอบที่สำคัญของหน้าที่ประชาธิปไตยเป็นการจัดการคำจำกัดความของและสถานการณ์ปัญหา ความสามารถที่จัดการกับคนอื่นการช่วยเหลือแต่ละคนอยู่บนโลกของตนเอง การกล่าวถึงความรู้สึกของความหมายและจุดประสงค์ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเหตุผลและวิธียึดหยุ่นเข้ากับความเป็นจริงกับคนอื่นๆ จะเป็นผลในความรู้สึกของความอลหม่าน ความสามารถที่จะสร้างทัศนคติที่มีคุณค่า และความสามารถที่จะสร้างสรรค์ระบบคุณค่าซึ่งเข้ากันได้ทั้ง 2 มีความจำเป็นที่จะพัฒนาความพร้อม
รูปแบบการทดสอบการสอนทั้งหมด สรุป ว่าเป็นสิ่งหนึ่งทำบางสิ่งบางอย่างในส่วนที่เป็นผลลัพธ์เฉพาะจากผู้เรียน โดยทั่วไปรูปแบบจะเน้นกระบวนการประชาธิปไตยสรุปว่าเป็นผลลัทธ์ของความชำนาญการศึกษาไม่สามารถทำนายโดยตรง รูปแบบประชาธิปไตยผู้ทำให้เหตุผลว่า ถ้าเขาประสบผลสำเร็จในการชักชวนนักเรียนที่ต้องการ เขาไปสู่ธรรมชาติของความชำนาญ และพัฒนาวิธีคิดของของตนเอง กันเป็นไปได้ที่จะเอาเขาจะเผชิญกับสถานการณ์อย่างไรหรือแก้ปัญหาอย่างไร เพราะฉะนั้นถ้านักเรียนถูกสอนวินัยทางวิชาการมันไม่เป็นดังว่า เพราะเขาจะรู้อย่างแน่นอนว่าวินัยจะรู้โดยคนอื่นๆ แต่เพราะว่าการเปิดเผยนี้จะช่วยเหลือแต่ละคนสร้างสรรค์ความคิดแต่ไม่ถูกปกปิดโดยวินัย
การทำหน้าที่เป้าหมายและรูปแบบ Orientation to the model
Goals and Assumption เป้าหมายและสันนิษฐาน
ในประชาธิปไตยและการศึกษา (1916), John Dewey แนะนำโรงเรียนทั้งหมดถูกย่อให้เป็นประชาธิปไตยเล็กๆ นักเรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบสังคม ผ่านความชำนาญ การเรียนรู้ที่จะปรับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อจะปรับปรุงสังคม Dewey รู้สึกว่าการเตรียมการที่ดีที่สุดสำหรับชุมชนไม่ประชาธิปไตย John V Michael is (1963) ปรับงานของ Dewey ที่จะทำการสอนสังคมศึกษาระดับประถมศึกษา ศูนย์กลางทฤษฎีการสอนเป็นการสร้างสรรค์กลุ่มประชาธิปไตยที่จะค้นหาและโจมตีปัญหาของสังคม นักการศึกษาสังคมพัฒนาวิธีการคล้ายๆ กัน
Thelen (1960 , p.80) เริ่มต้นด้วยการสร้างมโนคติของคนในสังคม ความคิดของคนควรจะพัฒนาจำเป็นต้องจ้างถัง ชีวิตจิรงเป็นสังคม สำหรับ Thelen การจัดการและการจัดการใหม่ระเบียบสังคม จำเป็นของกระบวนการทางสังคมกลุ่มสังคมไม่สามารถที่จะกระทำโดยปราศจากการอ้างอิงต่อเพื่อนโลกของเขาและหล่อนอีกอย่างหนึ่ง ในการสืบสวนเพื่อการรักษาไว้ด้วยตนอง และความเป็นอิสระของแต่ละคนอาจจะเช็คแย้งกับคนอื่นที่มีความพยายามคล้ายๆ กัน ในการสร้างข้อตกลงในสังคม แต่ละคนช่วยตัดสินใจห้ามการกระทำอย่างอิสระ กฎเกณฑ์ของการปฏิบัติได้ปฏิบัติในทุกแห่ง เช่น กลุ่มศาสนา การเมือง เศรษฐกิจ และวิทยาศาสตร์ และสถาบันวัฒนธรรมของสังคม สำหรับThelen ถ้าจัดการและการจัดการใหม่ของระเบียบสังคมเป็นสิ่งจำเป็นของกระบวนการทางสังคม
Thelen ปฏิบัติเวชระเบียบชั้นเรียนปกติว่าพัฒนาความสะดวกที่เป็นคุณค่าพื้นฐานและความสุภาพหรือการเก็บความสุขของผู้กลุ่มห้องเรียนควรเอากระบวนการของการพัฒนาระเบียบสังคมอย่างจริงจัง
ภาระงานของผู้ต้องนำการพัฒนาระเบียบสังคมในห้องเรียนเพี่อจุดประสงค์ของการปรับระเบียบสังคมเพี่อที่จะสอบถาม และกฎเกณฑ์ของบ้าน ต้องพัฒนาเป็นทฤษฎีและทัศนคติของวินัย ความรู้ที่ต้องสอนผู้มีอิทธิพลต่อระเบียบสังคมต่อการเสียเลาะ เมื่อเขานำออกมาและใช้ประโยชนบนความแตกต่างในวิธีกระทำของนักเรียน และอธิบายบทบาทของผู้ร่วมมือ ซึ่งเป็นบทบาทของสมาชิกในห้องเรียน (Thelen 1960,.p.8)
ชีวิตในห้องเรียนนำเอาแบบฟอร์มของเรื่องราวการสืบเสาะในแต่ละการสืบเสาะเริ่มกับการกกระตุ้นสถานการณ์ซึ่งนักเรียนสามารถแสดงปฏิกิริยาและค้นพบความขัดแย้งพื้นฐานระหว่างทัศนคติ ความคิด และแบบของตามเข้าใจ จากหลักฐานข้อมูล เขาแยกแยะปัญหาที่เป็นการร่วมมือเรียนรู้ การวิเคราะห์ บทบาทความต้องการแก้ปัญหาขึ้นๆ การจัดการด้านตัวเขาเองเพื่อที่จะเอาบทบาท การกระทำและการประเมินผลเหล่านี้ขั้นตอนเหล่านี้ถูกแสดงโดยการอ่านโดยการให้ความร่วมมือของคน โดยการให้คนปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับประสิทธิผล และกับการอภิปรายปัญหาของกระบวนการของมันเอง ที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของความร่วมมือกัน(Thelen 1960, p.82)
ในความตั้งอกตั้งใจในกิจกรรมที่เปิดเผยของขบวนการประชาธิปไตยเราไม่ควรมองข้ามจิตใจที่มุ่งมั่นซึ่งนำกระบวนการประชาธิปไตยเพื่อชีวิตกิจกรรมทั้งหลาย ถ้าติดตามโดยการท่องจำนำในใส่อย่างไม่มีชีวิตชีวาไม่เหมือนกับกระบวนการประชาธิปไตยและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์Dewey และ Thelon มีอยู่ในใจชั้นเรียนควรเป็นประชาธิปไตยรูปย่อที่จะโจมตีปัญหาทั้งหลาย ผ่านการแก้ปัญหา การเสียเสาะความรู้และกลายเป็นผลมากว่า เช่น เดียวกับกลุ่มสังคม ความพยายามทั้งหลายที่ใช้กระบวนประชาธิปไตย ทำเพียงเล็กน้อยที่จะเปลี่ยนแปลงการฝึกหัดศึกษาเพราะว่าวิธีการไม่ลึกซึ้งตามแบบที่ไม่มีส่วนสำคัญของประชาธิปไตย
ความคิดรวบยอดขั้นพื้นฐาน(Basic Concept)
ความคิดรวบยอดขั้นพื้นฐาน 2 อย่างได้แก่(1)การสืบเสาะและ(2)ความรู้เป็นศูนย์กลางต่อกลยุทธ์ของThelen
การสืบเสาะ (Inquiry)
การสืบเสาะถูกกระตุ้นโดยการเผชิญหน้ากับปัญหาและความรู้เป็นผลจากการสืบเสาะ กระบวนการทางสังคมส่งเสริมการสืบเสาะและเป็นการศึกษาและพิสูจน์ด้ายตัวมันเองหัวใจทางกลุ่มความร่วมมือการเรียนรู้ขัดแย้งในการคิดสูตรของการสืบเสาะ ความที่ Thelen (1960) การเกี่ยวข้องกับการสืบเสาะริเริ่มจัดการกระบวนการของการให้ความตั้งใจต่อบางสิ่งบางอย่างของการปฏิบัติสัมพันธ์กับการกระตุ้นด้วยคนอื่นๆ ในส่วนตัวหรือผ่านการเขียนและของการสะท้อนกลับและการจัดการความคิดใหม่และทัศนคติแสดงในการมาถึงที่การสรุป การแยกแยะการร่วมมือในการเรียนรู้ใหม่ ที่จะดำเนินการแสงการกระทำและผลผลิตดีต่อค่าออกมา (p.85)
สิ่งแรกของการสืบเสาะคือ เหตุการณ์เฉพาะรายสามารถแสดงออกและปัญหาหนึ่งที่ต้องแก้ไข ในห้องเรียนผู้สามารถเลือกเนื้อหาและให้มันอยู่ในช่วงของสถานการณ์ปัญหายกตัวอย่าง เช่น ชุมชนของเรามาอย่างไรเพื่อจะเป็นวิธีที่มันจะเป็น การเตรียมปัญหาอย่างง่ายปัญหา อย่างไรก็ตามจะไม่เกิดความยุ่งยากที่เป็นแหล่งที่สำคัญในการสืบเสาะ นักเรียนต้องเพิ่มความตระหนักของตนเองและต้องการสำหรับความหมายเป็นส่วนตัวรวมทั้ง เขาต้องนึกเอาว่าบทบาทผู้ร่วมงานของผู้สังเกตการณ์ การกระตุ้นตามหารู้อยากเห็นในปัญหาและการสังเกตตัวเองของผู้สอบถาม เพราะการสอบถามเป็นกระยวนการทางสังคมอย่างพื้นฐาน นักเรียนได้รับการช่วยเหลือจากบทบาทผู้สังเกตการณ์ โดยการปฏิบัติสัมพันธ์ด้วยโดยการสังเกตจากการสะท้อน และปัญหาของคนอื่นๆ ประเด็นการขัดแย้งออกมาและกระตุ้นความสนใจของนักเรียนในปัญหานั้น
แม้ว่าครูสามารถเตรียมสถานการณ์ปัญหาหนึ่งปัญหา มันขึ้นอยู่กับนักเรียนผู้ซึ่งสืบเสาะที่จะแยกแย้มและคิดวิธีแก้ปัญหาและติดตามวิธีแก้ปัญหาการสืบเสาะเรียกว่าเป็นกิจกรรมและในสถานการจริงและชำนาญการจริง เป็นข้อมูลใหม่อย่างต่อเนื่อง นักเรียนต้องมีวิธีการอย่างมีสติเพื่อว่าศึกษาข้อมูลแยกแยะความคิดและสิ่งจำเป็นความชำนาญการในอดีตต้องวิธีทดสอบสมมุติฐาน ศึกษาขั้นตอนและวางแผน สุดท้ายยกตัวอย่างพัฒนาความสามารถสำหรับการสะท้อนกลับ ความสามารถสังเคราะห์เปิดเผยพฤติกรรมที่มีส่วนร่วมกับพฤติกรรมที่บอกสัญญาลักษณ์แสดงอาการ นักเรียนให้การเอาใจใส่ต่อการเชี่ยวชาญ เพื่อจะสรุปการศึกษาอย่างชัดเจนและเพี่อประสานความคิดกัน ในวิธีผิดนี้จะจัดการอีกครั้งในรูปแบบที่ดีกว่าและใหม่กว่า
รูปแบบของการสอน The Model of Teaching
Syntex ความสัมพันธ์
รูปแบบเริ่มโดยการให้นักเรียนเผชิญกับกระตุ้นด้านปัญหาการเผชิญหน้าอาจจะถูกเสนอด้วยคำพูด หรือปัญหาอาจเป็นของจริงอาจเกิดขึ้นโดยธรรมชาติแล้วครูเตรียมไว้ให้แล้ว ถ้านักเรียนโต้ตอบครูก็ดูว่าความตั้งใจของแตกต่างกันในการโต้ตอบนักเรียนแสดงออกมานักเรียนสนใจในความแตกต่างในการโต้ตอบครูก็คิดว่าวิธีคิดและโครงสร้างของปัญหาด้วยตัวเอง ต่อมานักเรียนวิเคราะห์บทบาทความต้องการ การจัดการตนเอง การกระทำ และรายงานผล สุดท้ายกลุ่มประเมินแก้ปัญหาให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมาย หมุนเวียนกับทำกับกลุ่มอื่นๆ หรือกับปัญหาใหม่ๆ ของการร่วมมือการเรียนรู้ (See Table 12.1)
Social System ระบบสังคม
ระบบสังคมเป็นประชาธิปไตย เกิดขึ้นโดยการตัดสินใจพัฒนาแบบฟอร์มหรือที่น้อยที่สุดทำให้มีเหตุผลโดยความเชี่ยวชาญของกลุ่ม กิจการรมกลุ่มแสดงออกมาของโครงสร้างภายนอกซึ่งเตรียมโดยครู นักเรียนและผู้มีการยอมรับซึ่งกันและกันสำหรับบทบาทที่แตกต่างกัน บรรยากาศห้องเรียนก็เป็นหนึ่งของเหตุผลการแสดงออก
Principles of Reaction หลักการตอบสนอง
บทบาทของครูในกลุ่มร่วมมือการเรียนรู้เป็นหนึ่งของผู้ให้คำแนะนำผู้ให้คำปรึกษา ผู้ให้การวิจารณ์ และกลุ่ม(ผู้ให้คำปรึกษา) ต้องนำและสะท้อนความชำนาญของกลุ่ม 3 ระดับ ได้แก่
- สำคัญการแก้ปัญหาหรืองาน(อะไรเป็นธรรมชิตของปัญหา) อะไรเป็นตัวประกอบเกี่ยวข้องกับ
- ระดับกลุ่มการจัดการ (เราต้องการข้อมูลอะไรขณะนี้)
- ระดับความหมายเฉพาะส่วนบุคคล(คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับสรุปแหล่งนี้)
อะไรที่คุณทำอย่างแตกต่าง เช่นเดียวกับผลของความรู้เกี่ยวกับ (Thelen, 1954, pp.52-53) บทบาทการสอนนี้ยากและรู้สึกง่าย เพราะเนื้อหาของการสืบเสาะเป็นกิจกรรมของนักเรียน ปัญหาไม่สามารถถูกเก็บไว้ได้ในเวลาเดียวกัน
- ผู้สอนต้องอำนวยความสะดวกของกระบวนการกลุ่ม
- แทรกแรงกลุ่มเพื่อเป็นช่องทางในการจัดกิจกรรมการศึกษา
- จัดการกิจกรรมการศึกษาเหล่านี้
เพื่อว่าความหมายส่วนบุคคลมาจากความเชี่ยวชาญ (Thelen, 1960, p13) การแทรกแซง โดยครูผู้สอนควรจะทำน้อยมาก ถ้ากลุ่มไม่เคร่งเครียด บทที่ 16 ถึง 18 ของ Leadership of Discussion Groups(1975) โดย ครีเอเจอร์ เค พอลเลค (Creature K.Pollack) เตรียมให้แล้วหน้ากลุ่มอภิปรายอย่างก้าวหน้าและชาญฉลาด แม้ว่าสื่ออุปกรณ์ เตรียมไว้สำหรับผู้นำมาแก้ไขปัญหากลุ่มรับมันถูกเรียนที่ระดับทั่วไป และเตรียมตัวที่เป็นประโยชน์สำหรับตามปรารถนาที่จะสร้างห้องเรียนรอบกลุ่มสืบเสาะ
ระบบการสนับสนุน Support System
ระบบการสนับสนุนสำหรับกลุ่มความร่วมมือการเรียนรู้ ควรจะขยายแล้วเป็นการโต้ตอบต่อความต้องการของนักเรียน โรงเรียนต้องการจัดให้มีเครื่องมือกับห้องสมุดเป็นอันดับแรกว่าเตรียมข้อมูลและความคิดผ่านสื่อที่แตกต่างกันไป มันควรที่สามารถเตรียมร่วมมือออกนอกแหล่งข้างนอกด้วย เด็กๆ ควรที่จะสนับสนุนที่จะร่วมมือและติดต่อแหล่งที่เรียนรู้ตลอดจนผนังของโรงเรียน เหตุผลหนึ่งในการสืบเสาะในการร่วมมือของแหล่งค่อนข้างยากที่ระบบสนับสนุนไม่เหมาะสมที่จะรักษาไว้เป็นระดับการสืบเสาะ
การนำไปประยุกต์ใช้ Application
กลุ่มร่วมมือการเรียนรู้ ต้องยืดหยุ่นจากครูและการจัดการในชั้นเรียนแม้ว่าเราสันนิษฐานว่ารูปแบบเหมาะอย่างยิ่งกับสิ่งแวดล้อมของการเปิดห้องเรียนเราสังเกตความสำเร็จของครูกลุ่มการร่วมมือการเรียนรู้ ในเนื้อหากับวิชาอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ และการอ่าน แยกออกมามากว่าหนึ่งโครงสร้าง เช่น มีรูปแบบการสอนตรง ถ้านักเรียนไม่มีโอกาสที่จะเชี่ยวชาญชนิดของปฏิสัมพันธ์สังคม การตัดสินใจ และการสืบเสาะโดยเฉพาะสำหรับรูปแบบการสวนหนี้, มันอาจเอาท่อนในบางครั้ง ทางทำหน้าที่ไประดับสูง อีกอย่างหนึ่ง นักเรียนมีส่วนร่วมในการประชุมในห้องเรียนหรือด้วยตนเองโดยตรง การเรียนรู้แบบสืบเสาะจะทำได้ง่ายกว่าในกรณีนี้มันมีประโยชน์สำหรับครูที่จำได้ว่าความเชื่อถือนของสังคมของรูปแบบการสวนอาจจะไม่เหมือนกันต่อนักเรียนที่มีความรู้ และอาจจะเป็นความต้องการในระดับของการได้มาซึ่งทักษะ
แม้ว่าตัวอย่างของรูปแบบาการสอนที่อภิปรายที่นี้มีแนวโน้มจะซับซ้อนอย่างมีปัญญาและเป็นระบบ การร่วมมือเรียนรู้ไม่ต้องการซับซ้อนมากกับนักเรียนวัยรุ่นใหม่ไปถึงกลุ่มร่วมมือเรียนรู้กลุ่มการเรียนรู้เล็กๆ ที่เป็นไปได้กับการเผชิญภายใน สามารถเตรียมหัวข้อเรื่องแคบๆ เป็นตอนเป็นข้อมูลและกิจกรรมที่เปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่น การเตรียมการบันเทิงในตอนกลางคืนสำหรับโรงเรียนเน้นมากกว่าการแก้ปัญหาของการวิกฤตการตัดสินใจได้ดูแลชั้นเรียน แล้วจะแคบกว่าอย่างไร แนะแนวธรรมชาติของการสืบเสาะขึ้นอยู่กับความสนใจและอายุของนักเรียนครูที่มีทักษะสามารถออกแบบการสืบเสาะที่ประทับใจต่อความสามารถของนักเรียนและใช้ความสามารถตนเองในการจัดการความร่วมมือเรียนรู้
ขณะที่เราชี้ให้เห็นในการแนะนำต่อรูปแบบทางสังคม 3 แนวทางของการค้นคว้าโดย 3 ทีม(นำโดย David and Roger Johnson, Robert Slavin และ Salomon Sharan) ได้สนับสนุนความรู้เป็นจำนวนมากที่จะสร้างรูปแบบทางสังคมและเป็นประสิทธิภาพของเขา
กลุ่มของ Johnson ได้รวมพลังในการทำงานอย่างร่วมมือกัน และทดแทนความร่วมมือ และทำงานแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เขาได้ขยายความคิดของการศึกษากับนักเรียนทุกระดับอายุและหลายชั้นที่ ความคิดของเขาที่ด่วนมาและการศึกษาสนับสนุนการแข่งขันการทำงานร่วมกันมีพลังเพิ่มขึ้นการงานเป็นทีมของนักเรียนมีประสิทธิภาพเพิ่มพลังงานเป็นทีม (Johnson, Johnson, Skin 1981) ยิ่งไปกว่านั้น งานของเขากับเพื่อนๆ ปรากฏว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีมที่ต่างกันปรากฏว่ามีผลผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุด (Johnson and Johnson, 1972)
งานของ Slavin’s (1983) ตอกย้ำว่า งานของจอนหูสันเขาได้เพิ่มความแตกต่างที่น่าสนใจ เขาได้สำรวจวิธีการทำงานที่แตกต่างกันเมื่อกลุ่มต่างๆ ทำโครงการและพบความแตกต่างของงานมากขึ้น เช่น เมื่อนักเรียนเรียนหัวเรื่อง ประวัติศาสตร์แต่ละคนสามารถคลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาของหัวเรื่องนั้นกับความรับผิดชอบของข้อมูลหลักต่อนักเรียนคนอื่นๆ ยิ่งไปเท่านั้นเขามองผลกระทบของกลุ่มทำความเข้าใจการเรียนกู้ และคุณลักษณะอันผึงประสงค์ต่องานการเรียนรู้ และคนอื่นๆ โดยทั่วไปกลุ่มความคิดมีลงรอยกับเรียนรู้มากขึ้น รูปแบบของคุณรักษาระดับพึงประสงค์ในทางบวกมากขึ้นต่องานการเรียนรู้และคลายเป็นสิ่งที่ดีต่อคนอื่นๆ (Slavin, 1983)
ครั้นได้ศึกษากลุ่มร่วมมือการเรียนรู้ต่อวินาที ที่มองเขารายงานว่า บรรยากาศของการทำงานร่วมมือนั้นออกและกลุ่มนอกทางมากกว่า และเป็นไปได้ดีมากกว่าที่นักเรียนต่องานการเรียนรู้ และต่อแต่ละคน(Sharan and Hertz Lazarowitz, 1980 a) ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้สันนิษฐานว่า สังคมที่ซับซ้อนมากกว่าจะเพิ่มผลสัมฤทธิ์ของเป้าหมายที่ซับซ้อนมากกว่า (บริบทและทฤษฏี)และทั้ง 2 ย้ำการสันนิษฐานของเขาและพบว่า มันเพิ่มขึ้นการเรียนรู้ของข้อมูลข่าวสารและความสามารถพื้นฐานด้วย การศึกษาที่มีเพียงเล็กน้อยโดยครูในโรงเรียนมีรอบปลายรัฐออริแกนมีคุณว่า วาระค่าที่มีดานทั้ง 2 สำหรับภายในกลุ่มและผลกระทบต่อนักเรียน (Huhtamaki, 1994)
จุดมุ่งหมายของความร่วมมือการเรียนรู้เป็นการรวมกันของสังคมที่ซับซ้อนและภาระงานทางวิชาการต่อการเรียนรู้ทางวิชาการและทางสังคม มันก็ปรากฏต่อบรรลุเป้าหมายของมันอย่างเหมาะสม
กระบวนการสอนและการส่งเสริมประสิทธิภาพ
รูปแบบนี้เป็นสี่ที่มีประโยชนและทำความเข้าใจอย่างกว้างขวางขึ้นกลมกลื่น เป้าหมายของการสืบสวนทางวิชาการ การรวมอันดีตามของสังคมและเลือกขบวนการการเรียนรู้ทางสังคม มันสามารถถูกนำไปใช้ทุกเน้นเวลาและถูกวัน เมื่อครูต้องการที่จะเน้นวิธีและระบบวิธีการแก้ปัญหาของความรู้มากกว่าการนำข้อมูลและการจัดการและการแสดงก่อน
การเตรียมการที่เป็นบริบทหนึ่งของความคิดของThelen’s และโครงสร้างใหม่ กลุ่มรูปแบบความร่วมมือในการเรียนรู้(Figure 12.1) สามารถถูกพิจารณาโดยตรงและอย่างมีประสิทธิภาพวิธีการสอนความรู้ทางวิชาการด้วยเช่นเดียวกนกระบวนการทางสังคม มันปรากฏที่จะสนับสนุนให้ความเชื่อถือการยอมรับสำหรับกฎเกณฑ์และนโยบาย ในการเรียนรู้โดยส่วนคน
ในการตัดสินใจจะใช้รูปแบบ การพิจารณาประสิทธิพลของการสนับสนุนอย่างจริงจัง อาจจะจำเป็นที่จะวิเคราะห์ประสิทธิภาพการสอนโดยตรง รูปแบบอื่นอาจจะซ้าบซึ่งสำหรับการสอนทางวิชาการในการร่วมมือขึ้น แต่ครูอาจจะชอบกลุ่มการกลุ่มการร่วมมือกันเพี่อการเรียนรู้เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน
Fiqure 12.1 Instructional and nurturant effects of group investigation model
Instructional การจัดการเรียนการสอน |
Discipline of collaborative inquiry วินัยของการร่วมมือในการเรียนรู้ |
Effect group process and governance ผลกระทบต่อกลุ่มกระบวนการและการจัดการ |
Constructivist view of knowledge ความคิดของนักสร้างสรรค์ของความรู้ |
Group Investigation Model |
ความเป็นอิสระของผู้เรียน Independence as learners |
ความอบอุ่นระหว่างบุคคลและเป็นพี่น้องกัน Interpersonal warmth and affiliation |
เชื่อว่ามีความคุ้มค่าทั้งหมด Respect for dignity of all |
ความร่วมมือทางสังคมเป็นวิธีหนึ่งในการดำเนินชีวิต Social inquiry as away of life |
NURTURANT การสนับสนุนและส่งเสริม |
รูปแบบการสอนกลุ่มความร่วมมือการเรียนรู้ Syntax การสอน
ขั้นที่ 1 การพบสถานการณ์ที่เป็นปัญหาโดยบังเอิญ(การวางแผนและไม่ได้วางแผน)
ขั้นที่ 2 ค้นหาปฏิกิริยาของนักเรียนต่อสถานการณ์นั้น
ขั้นที่ 3 คิดวิธีระบบภาระงานและการจัดการศึกษาปัญหา กำจัดกัดความบทบาท การทำการบ้านและอื่นๆ
ขั้นที่ 4 ศึกษาทำงานเดียว และศึกษาทำงานเป็นกลุ่ม
ขั้นที่ 5 วิเคราะห์ความก้าวหน้า และกระบวนการ
ขั้นที่ 6 ทำกิจกรรมหมุนเวียนกลุ่มกันไป
Social System ระบบสังคม
ระบบเป็นพื้นฐานของกระบวนการประชาธิปไตย และการตัดสินใจของกลุ่ม กับองค์ประกอบภายนอกที่ปัญหาต้องเป็นจริง มันไม่สามารถถูกเอาเปรียบ การแลกเปลี่ยนสภาพจริงเป็นสิ่งจำเป็น บรรยากาศก็เป็นสิ่งจำเป็นในการทำงาน
Principal of Reaction หลักสำคัญในการปฏิบัติ
ครูช่วยเหลือผู้เรียนในการวางแผน การกระทำและการจัดกลุ่ม หรือเป็นผู้อำนวยความสะดวกนี้ และความต้องการของการเรียนรู้ ผู้เป็นผู้ให้คำปรึกษานักเรียนมีปฏิกิริยากับสถานการณ์ของปัญหา และการทดสอบธรรมชาติของเขาและการปฏิบัติการที่แตกต่างกันไปนักเรียนแสดงชนิดของข้อมูลเขาต้องการที่จะจัดการปัญหาและรวบรวมข้อมูลเหล่านั้น นักเรียนตั้งสมติฐานและรวบรวมข้อมูลที่ต้องทดสอบ นักเรียนประเมินผลผลิตและให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง หรือเริ่มวางแนวทางในการสืบเสาะข้อมูล ศูนย์กาลางการสอนต้องสร้างความร่วมมือสภาพแวดล้อมทางสังคม และสอนทักษะการเจรจา และแก้ไขปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นดูต้องแนะนำนักเรียนให้ทฤษฎีของการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ช่วยเหลือในการสัมนิษฐานของข้อสอบ เพราะกลุ่มต่างๆ มีความแตกต่างความต้องการสำหรับการเรียน (Kuntz, 1971) และการคิดผิดของเขา (Thelen, 1960) ดูไม่สามารถประพฤติอย่างเครื่องยนต์แต่ต้องอ่านพฤติกรรมทางทางสังคมและทางวิชาการของนักเรียนได้
Support System ระบบสนับสนุน
สภาวะแวดล้อมต้องสามารถสนองความต้องการของนักเรียนได้ ครูและนักเรียนต้องสามารถประชุมร่วมกันในสิ่งที่เขาต้องการเมื่อเขาต้องการมัน